เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ที่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. เปิดเผยว่า ได้แถลงผลประกอบการปีงบประมาณ 2566 ภาพรวมของผลการดำเนินงานด้านปริมาณการจราจรทางอากาศของปีงบประมาณ 2566 (ต.ค.2565-ก.ย.2566) ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ ทอท. ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) และท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น
เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) คลี่คลาย ประกอบกับอุตสาหกรรมการบินและภาคการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว โดยมีจำนวนเที่ยวบินรวม 639,891 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 62.22% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 321,053 เที่ยวบิน และเที่ยวบินภายในประเทศ 318,838 เที่ยวบิน มีผู้โดยสารรวมทั้งหมด 100.06 ล้านคน เพิ่มขึ้น 114.31% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 53.91 ล้านคน และผู้โดยสารภายในประเทศ 46.15 ล้านคน
นายกีรติ กล่าวต่อว่า ปีงบประมาณ 2566 (สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2566) ทอท. มีกำไรสุทธิจำนวน 8,790.87 ล้านบาท มีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับปีก่อนซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิ 11,087.86 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายหรือการให้บริการ 48,140.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 190.71% จากปีงบประมาณ 2565 ประกอบด้วย รายได้เกี่ยวกับกิจการการบิน 22,265.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 205.43% เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสาร และรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน 25,875.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 179.13% จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์จากธุรกิจร้านค้าปลอดอากร ธุรกิจการบริหารกิจกรรมเชิงพาณิชย์ ธุรกิจจัดส่งอาหารและเครื่องดื่ม และธุรกิจบริการภาคพื้นและซ่อมบำรุง ค่าใช้จ่ายรวมสำหรับปีงบประมาณ 2566 มีจำนวน 34,248.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.81% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงาน ค่าจ้างภายนอก ค่าสาธารณูปโภค และค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษา
ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 ก.ย.2566 ทอท. มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 195,611.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันที่ 30 ก.ย.2565 จำนวน 11,798.17 ล้านบาท หรือ 6.42% และมีหนี้สินรวมทั้งสิ้น 83,432.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันที่ 30 ก.ย.2565 จำนวน 2,138.58 ล้านบาท หรือ 2.63%
นอกจากนี้ ทอท. ขานรับนโยบายนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เร่งดำเนินการพัฒนาท่าอากาศยาน เพื่อรองรับการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวของประเทศตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทสภ. ซึ่งได้ดำเนินการก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1: SAT-1) พร้อมทั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติเชื่อมต่อระหว่างอาคาร SAT-1 กับอาคารผู้โดยสารหลัก โดยปัจจุบันโครงการดังกล่าวดำเนินการแล้วเสร็จ และเปิดให้บริการแล้วเมื่อเดือน ก.ย.2566 ทำให้ ทสภ. สามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นจาก 45 ล้านคนต่อปี เป็น 60 ล้านคนต่อปี นอกจากนี้ ทสภ. อยู่ระหว่างดำเนินโครงการก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 เพิ่มขีดความสามารถทางวิ่งให้รองรับเพิ่มจาก 68 เที่ยวบินต่อชั่วโมง เป็น 94 เที่ยวบินต่อชั่วโมง คาดแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ในปี 2567 ส่วนงานก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออก (East Expansion) จะก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออกของอาคารเดิมเพื่อเพิ่มพื้นที่การให้บริการ เมื่อแล้วเสร็จจะเพิ่มขีดความสามารถของ ทสภ. อีก 15 ล้านคนต่อปี ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการปรับปรุงแบบ คาดก่อสร้างในปี 2567 แล้วเสร็จในปี 2570
นายกีรติ กล่าวอีกว่า สำหรับโครงการพัฒนา ทดม. ระยะที่ 3 จะก่อสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ และปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร อาคาร 1 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารจาก 30 ล้านคนต่อปี เป็น 50 ล้านคนต่อปี ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการออกแบบ คาดก่อสร้างในปี 2568 แล้วเสร็จในปี 2573 และโครงการพัฒนา ทชม. ระยะที่ 1 จะก่อสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ และปรับปรุงอาคารผู้โดยสารเดิมเป็นอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ เพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารจาก 8 ล้านคนต่อปี เป็น 16.5 ล้านคนต่อปี ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการออกแบบ คาดก่อสร้างในปี 2568 แล้วเสร็จในปี 2571
ส่วนโครงการพัฒนา ทชร. ระยะที่ 1 ดำเนินการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ เพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารจาก 3 ล้านคนต่อปี เป็น 6 ล้านคนต่อปี ปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดทำ TOR จ้างผู้ออกแบบ เพื่อออกแบบในปี 2567 คาดก่อสร้างในปี 2569 แล้วเสร็จในปี 2572 และโครงการพัฒนา ทภก. ระยะที่ 2 จะก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ เพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารจาก 12.5 ล้านคนต่อปี เป็น 18 ล้านคนต่อปี ปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดทำ TOR จ้างผู้ออกแบบ เพื่อออกแบบในปี 2567 คาดก่อสร้างในปี 2569 แล้วเสร็จในปี 2572 ส่วน ทหญ. อยู่ระหว่างทบทวนแผนแม่บทให้สอดคล้องกับปริมาณการจราจรทางอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงไป
ทอท. ในฐานะผู้บริหารท่าอากาศยานหลัก 6 แห่งของประเทศไทย มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาศักยภาพของท่าอากาศยานในความรับผิดชอบ และท่าอากาศยานในอนาคต เพื่อเตรียมรองรับผู้โดยสารและนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลกให้ได้รับความสะดวกสบาย และสัมผัสประสบการณ์การเดินทางที่น่าประทับใจ นำมาสู่การฟื้นฟูทางด้านอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยว และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมต่อไป
ด้านนายสุริยะ กล่าวว่า ภายหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ส่งผลให้เดินทางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับที่รัฐบาลมีนโยบายมาตรการ VISA Free ให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีน คาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดียและไต้หวัน กระตุ้นเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยว ซึ่งการท่องเที่ยวจะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับประเทศ กระทรวงคมนาคมในฐานะผู้กำกับดูแล ทอท. ได้มอบหมายให้กับ ทอท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มศักยภาพของท่าอากาศยานและการขนส่งทางอากาศ โดยมีนโยบายเร่งด่วนภายใน 1 ปี ให้ดำเนินการเพิ่มตารางการบิน (Slot) รองรับนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มมากขึ้น และการบริหารจัดการพื้นที่ภายในท่าอากาศยานเป็นสิ่งสำคัญจะต้องมีความพร้อมในทุกด้านของการให้บริการ เพื่อให้ผู้โดยสารและผู้ใช้บริการได้รับการบริการที่รวดเร็ว และการเดินทางที่สะดวกสบาย ไม่เกิดปัญหาความแออัดอย่างที่ผ่านมา เพื่อรองรับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบิน และการท่องเที่ยวซึ่งเป็นตัวจักรสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจ นอกจากนี้ มอบให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมดำเนินงานภายใต้กรอบนโยบาย “คมนาคมเพื่อความอุดมสุขของประชาชน” ในทุกมิติ
ส่วนโครงการก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 ทสภคำพูดจาก ทดลองเล่นสล็อต pg. เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของทางวิ่งให้รองรับเพิ่มจาก 68 เที่ยวบินต่อชั่วโมง เป็น 94 เที่ยวบินต่อชั่วโมง คาดแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ในปี 2567 ซึ่งงานก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออก (East Expansion) เมื่อแล้วเสร็จจะเพิ่มขีดความสามารถของ ทสภ. อีก 15 ล้านคนต่อปี ปัจจุบันอยู่ระหว่างปรับปรุงแบบ คาดก่อสร้างในปี 2567 แล้วเสร็จในปี 2570 มั่นใจว่าเมื่อโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จจะเป็นการแก้ปัญหาความแออัดผู้โดยสารได้ตรงจุด